About Me

CSR - Slideshow

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อาหารเสริมที่มีประโยชน์สำหรับเด็ก

เมื่อเด็กเบื่ออาหาร

เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยขวบปีแรก อาจพบว่าเด็กไม่ค่อยอยากรับประทานอาหารหรืออาจมีอาการเบื่ออาหาร เด็กอาจมีความสนใจในการเล่นมากกว่ารับประทานอาหาร มีความกระตือรือร้นและอยากที่จะแสดงความสามารถด้านต่างๆทั้งภาษาและกล้ามเนื้อ ทำให้เด็กสนใจสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวมากกว่าอาหารที่อยู่ตรงหน้าและอาจแสดงท่าทีเบื่อเมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร
ดังนั้นคุณควรสังเกตปริมาณอาหารที่เด็กบริโภคในแต่ละวันที่อาจจะบริโภคได้แตกต่างกัน บางวันเด็กสามารถรับประทานอาหารได้มาก แต่บางวันเด็กอาจรับประทานอาหารได้น้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของเด็กในวัยซนนี้
อาหารจานโปรด
คุณควรจัดเตรียมเมนูอาหารที่แตกต่างกันในแต่ละวัน เด็กอาจมีอาหารจานโปรดที่อาจร้องขอในทุกมื้ออาหารตลอดทั้งสัปดาห์ หลังจากนั้นเด็กก็อาจปฏิเสธและเบื่ออาหารจานโปรดนั้นในสัปดาห์ต่อมาก็ได้
เด็กมักเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับปริมาณอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ มีรายงานแสดงว่าการบริโภคอาหารของเด็กในแต่ละมื้ออาจจะไม่เท่ากัน อาจแตกต่างกันในเรื่องของปริมาณหรือจำนวน อย่างไรก็ตามเด็กควรได้รับประทานอาหารที่มีความสมดุลและครบถ้วน คุณต้องเป็นผู้ดูแลในเรื่องคุณประโยชน์จากสารอาหารต่างๆที่เด็กจะได้รับจากมื้ออาหารให้สมดุลและครบถ้วนในแต่ละวัน

หลักในการให้อาหารเสริมสำหรับเด็กวัยทารก
1. การป้อนอาหารเสริมครั้งแรก ควรสร้างความพร้อมให้กับเด็กทั้งทางร่างกายและจิตใจ คือทางร่างกาย อยู่ในช่วงวัยที่เหมาะสม 3 เดือนขึ้นไป มีความพร้อมทางด้านจิตใจทั้งของผู้ให้ ( คุณแม่หรือพี่เลี้ยงเด็ก) และตัวเด็กเอง
2. การจัดเวลาในการให้อาหารเสริมต้องแน่นอน ระวังอย่างให้ตรงกับเวลาที่เด็กง่วงนอน ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ
- อายุต่ำกว่า 5 เดือน ให้อาหารเสริมก่อนมื้อนมมื้อหนึ่งมื้อใด แล้วต่อด้วยน้ำนมจนอิ่ม วันละ 1 มื้อ
- อายุ 6 เดือนขึ้นไป ให้อาหารเสริมวันละ 2 มื้อ แล้วต่อด้วยน้ำนมจนอิ่ม หรือแทนน้ำนม 1 มื้อ
- อายุ 9 - 12 เดือน ให้อาหารเสริม 3 มื้อ เป็นอาหารหลัก ให้น้ำนมเป็นอาหารเสริมแทน
3. บริเวณที่ป้อนอาหาร ควรสงบไม่มีสิ่งดึงดูดความสนใจ ไม่ควรชวนเด็กเล่น เพราะจะทำให้เด็กไม่สนใจการรับประทานอาหาร
4. ควรจัดท่านั่งเด็กให้สบาย และสามารถตักอาหารเข้าปากของตนเองได้ในโอกาสต่อไป และฝึกให้เด็กได้ช่วยตัวเองทีละน้อย โดยมีพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือ
5. ภาชนะที่ใส่อาหารให้เด็กควรมีสีสันสวยงาม สดใสไม่แตกง่าย ภาชนะขนาดพอเหมาะกับเด็ก มีขอบสูงป้องกันการหก เปื้อนง่าย ทำความสะอาดง่ายทนความร้อน ถ้าเป็นพลาสติกก็ต้องเป็นชนิดที่ทำสำหรับใส่อาหาร ไม่สีหลุดลอกที่เป็นอันตราย ช้อนมีด้ามยาว ขนาดพอเหมาะกับปากทารก
6. การป้อนอาหารเด็กต้องใจเย็น แม้ว่าเด็กจะบ้วนทิ้ง ก็ควรต้องลองป้อนใหม่ ทีละน้อยค่อย ๆ ให้เด็กได้รับรสชาติ ปริมาณที่ให้ประมาณ 2 - 3 ช้อนโต๊ะ 2 ครั้งต่อวัน เพราะเป็นอาหารเสริมที่ไม่ใช่ นมมารดาที่เด็กเคยชินอยู่
7. การให้อาหารเสริมควรให้ทีละอย่าง นานประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ เพื่อสังเกตว่ามีอาการแพ้หรือไม่ จึงเปลี่ยนอาหารเสริมชนิดใหม่และอาการแพ้อาหารอาจเป็นตามกรรมพันธุ์ ฉะนั้นควรศึกษาประวัติการแพ้อาหารของครอบครัว เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการให้อาหารเสริมกับเด็ก ลักษณะอาการแพ้ที่มักพบ ก็คือ ท้องเสีย เป็นผื่นแดง
8. ลักษณะอาหารเสริมในช่วงแรกควรมีลักษณะนิ่มเหลวพอที่จะป้อนได้ง่าย รสไม่จัด และมีสีสันน่ารับประทาน
9. การเตรียมอาหารเสริมต้องมีทั้งคุณค่าทางโภชนาการและคุณภาพ ปราศจากสารพิษและจุลินทรีย์ ต้องควบคุมเรื่องความสะอาด ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การเตรียม การปรุงอาหารและการเก็บรักษา
10. อาหารเสริมควรเหมาะสมกับวัยของเด็ก ไม่ควรให้อาหารเสริมก่อนถึงวัยอันควร อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น ถ้าเด็กยังไม่มีฟันก็ไม่ควรให้อาหารที่มีชิ้นใหญ่ แข็ง อาหารอาจติดคอเวลาเด็กกลืนลงไป เพราะไม่มีฟันเคี้ยว อาหารควรมีลักษณะอ่อนนิ่ม น้ำอัดลมยังไม่ควรให้เด็กทานจะติดใจรสชาติน้ำอัดลม จนทำให้เด็กไม่อยากทานอาหารชนิดอื่นที่มีประโยชน์มากกว่า หรือการให้อาหารเสริมก่อน 3 เดือน ระบบการย่อยของทารกยังไม่พร้อม อาจเกิดปัญหาท้องอืดอาหารไม่ย่อย

การที่เด็กจะมีร่างกายแข็งแรง และเจริญเติบโตสมวัยนั้น จำเป็นจะต้องได้สารอาหารครบถ้วนที่ร่างกายต้องการ ซึ่งสำหรับคนที่เป็นพ่อแม่นั้นมักจะกังวลว่าลูก จะได้ สารอาหารไม่พอเพียง และมักจะคอยเคี่ยวเข็ญให้ลูก ต้องทานอาหารมากๆ จนบางครั้งเกิดปัญหากับเด็กขึ้น

กล่าวโดยสรุป คุณพ่อ คุณแม่ ควรจะมีความรู้ เรื่องโภชนาการที่ถูกต้อง เพื่อจะได้จัดอาหาร ที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างสมดุล และ มีประโยชน์ต่อสุขภาพให้แก่ลูกและ ครอบครัว โดยไม่จำเป็นต้องหาแต่อาหารพิเศษ ที่มีราคาแพง หรือ ทานไวตามินและ สารอาหารเสริมที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ทุกคนได้อิ่ม อร่อย และ มีสุขภาพ ดีกันถ้วนหน้า

อ้างอิง
รูปภาพจาก :
http://i.ehow.com/images/GlobalPhoto/Articles/2151041/j0409621-main_Full.jpg
http://www.pepsithai.com/food2008/engine/images/scoop/tip27.jpg
ข้อมูล จาก :
http://www.wyethnutrition.co.th/$$Eating%20Changes%20.html?menu_id=181&menu_item_id=1
http://www.kow-krua.com/knowledge/Baby.htm
http://www.clinicdek.com/index.php?option=com_content&task=view&id=108&Itemid=41


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น