About Me

CSR - Slideshow

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิธีขจัดความเครียด

ความเครียด คือสภาวะของจิตใจที่ขาดความอดทน อดกลั้น และเต็มไปด้วยความคิดที่ไร้ประโยชน์ อันเนื่องมาจากความกดดันจากภาระหน้าที่การงาน การเงิน ความสัมพันธ์ที่ขัดแย้ง รวมทั้งความไม่ถูกต้อง ความก้าวร้าวรุนแรง และสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ เป็นการบั่นทอนจิตใจให้ขาดพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปัญหารุนแรงมาก ก็เกิดอาการเครียดที่ยาวนาน (เช่น อุบัติเหตุ การเจ็บป่วย การตกใจกระทันหันต่อเหตุการณ์หรือภัยพิบัติต่าง ๆ) มีผลเสียต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตทำให้ไม่สามารถเผชิญหรือแก้ปัญหา มีการตัดสินที่ไม่ยุติธรรม ความจำเสื่อม ขาดความกระตือรือร้น ความสนใจ และความสุขที่แท้จริงภายใน

สาเหตุของความเครียด
- ความหยิ่งทะนงที่มาพร้อมกับความอิจฉาริษยา ไม่ยอมรับนับถือผู้ใด และพร้อมที่จะโต้แย้งแข่งขันเพื่อพิสูจน์คุณค่าของตนเอง
- การมองโลกในแง่ร้าย ไม่มีความสงบ-เยือกเย็นภายใน
- การเพ่งพิจารณาแต่ความบกพร่อง-อ่อนแอของผู้อื่น ไม่สำรวจตรวจสอบและแก้ไขตนเอง
- ความรู้สึกที่อ่อนไหวง่าย ไม่เข้าใจอะไรลึกซึ้ง-สมบูรณ์
- ความอยาก ไม่สามารถอยู่อย่างพอใจและสมหวัง
- ความผูกพันยึดมั่น ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงหรือการสูญเสีย
- ความเห็นแก่ตัว ไม่พร้อมที่จะให้ด้วยความสุข สบายใจ
- ความโกรธที่รุนแรง ไม่ให้อภัยต่อความผิดพลาด ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่
- การอยู่ภายใต้ของอิทธิพลของค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีการดำเนินชีวิตที่สมดุลและสมบูรณ์

ผลร้ายของความเครียด
- ทำลายความสัมพันธ์ ก่อให้เกิดความแตกแยก
- สภาพอารมณ์ไม่มั่นคง ตื่นเต้น ตกใจง่าย กระวนกระวาย กล้ามเนื้อกระตุก อยู่ไม่สุข วิตกกังวล และนอนไม่หลับ
- ทำให้เซลในร่างกายมีอายุสั้นลง ความจำเสื่อม ประสิทธิภาพในการเรียน-การทำงานลดลง
- เป็นสาเหตุของการตายโดยฉับพลัน และการฆ่าตัวตาย
- เป็นยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า ๆ ก่อให้เกิดปัญหาโรคภัยต่าง ๆ เช่น โรคผิวหนัง โรคอ้วน โรคปวดศีรษะ โรคปวดหลัง โรคกระเพาะ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และอื่น ๆ อีกทั้งลดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นเหตุชักนำให้เกิดโรคติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น


วิธีขจัดความเครียด
ผ่อนคลาย : การผ่อนคลายมีหลายวิธี ดังนี้
- พักเป็นครั้งคราวขณะทำงาน
- ไปตากอากาศ
- หางานอดิเรกทำ
- ฝึกหายใจด้วยท่ากายบริหาร
- จดบันทึกรายวัน
- ดูหนังตลก
- เลี้ยงสัตว์
- คุยกับเพื่อน
- สวดมนต์หรือนั่งสมาธิ
- แช่น้ำอุ่นที่ผสมน้ำมันหอม
- เข้าสปาหรือร้านเสริมสวย

จัดชีวิตให้สมดุล : คุณอาจต้องทำดังนี้
- ยอมรับว่าคุณเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองได้ แต่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนอื่นไม่ได้
- ยอมรับว่าคุณไม่สามารถมีทุกสิ่งที่ต้องการ
- รู้ว่าอะไรคือเรื่องสำคัญ
- แยกแยะคำว่า " ควรจะรู้" " น่าจะ " และ"ต้อง "
- ให้อภัยตนเองและผู้อื่น
- พยายามเปลี่ยนความเครียดเป็นโอกาส
- หัดพูดคำว่า "ไม่"
- อย่าคิดว่าต้องทำอะไรสมบูรณ์เพียบพร้อมไปหมด
- กรองข่าวสารที่ได้รับ จะได้ไม่ "สำลัก " ข่าว
- มองโลกในแง่ดี
- อย่าทำปัญหาให้ใหญ่โตหรือมองข้ามความสำคัญของปัญหา
- ยอมรับในสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

จัดการตนเอง : พัฒนาตนเองให้สามารถรับมือกับความเครียด โดย
- มีจุดยืนหนักแน่น ไม่คล้อยตามหรือต่อต้านรุนแรง
- พิจารณาปัญหา ตั้งเป้าหมาย และหาวิธีทำให้สำเร็จ
- ทำสิ่งที่ตัวเองต้องการและสนใจ
- เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ทำตาม โดยไม่เปลี่ยนแปลง ระลึกไว้ว่าการเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจหมายถึงการสูญเสียบางอย่าง

บริหารเวลา : การควบคุมชีวิตให้ดีขึ้น ต้องบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
- จัดลำดับความสำคัญ
- กำหนดเวลาที่จะทำงานให้เสร็จ ตามความเป็นไปได้
- ทำงานที่สำคัญหรืองานยาก ขณะรู้สึกสดชื่นที่สุด
- คาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดความเครียดขึ้นเมื่อไรและวางแผนไว้ก่อน
- จัดสรรเวลาให้ตัวเองทุกวัน
- แบ่งงานให้คนอื่นทำ
- ทำงานทีละอย่าง

ความสัมพันธ์กับผู้อื่น : ผู้อื่นอาจช่วยลดหรือเป็นต้นเหตุของความเครียด ลองปฏิบัติดังนี้
- รักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดให้ยาวนาน
- พัฒนาความสามารถในการติดต่อกับผู้อื่น
- ศึกษาและแยกแยะความรู้สึกของผู้อื่นจากความรู้สึกของตนเอง
- หากมีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น ควรหาทางแก้ไข
- ติดต่อเพื่อนฝูงอย่างสม่ำเสมอ
- ให้กำลังใจและช่วยเหลือคนใกล้ชิด

ความช่วยเหลือ : ทั้งตัวคุณเองและผู้อื่น ล้วนมีส่วนช่วยเหลือเกื้อกูลคุณทั้งนั้น ดังนั้น
- ให้กำลังใจตัวเองที่สามารถบริหารความเครียดได้ดีขึ้น
- ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเมื่อถึงคราวจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนหรือที่ปรึกษา

จริงอยู่แม้จะเป็นเรื่องทำได้ยาก หากเราตกอยู่ในภาวะถูกเอารัดเอาเปรียบมาก ๆ แต่ก็ต้องคิดเรื่องอย่างนี้ไว้บ้าง เพราะสิ่งที่ทำได้ยากเมื่อเราทำได้ เราจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ทางด้านจิตใจโดยตรง ด้วยเหตุนี้เอง สามเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงสอนให้เจริญมรณสติกรรมฐานเป็นประจำ มองให้เห็นว่า ตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้ เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดก็ไม่มีใครเอาสิ่งใดไปด้วย แม้คนที่รักที่สุดคือบุตรธิดา ภรรยาญาติก็ต้องทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่มีใครชวนใครไปอยู่ด้วย แม้ชวนก็ไม่มีใครไปด้วย แม้จะรักกันเพียงใดก็ตาม ถ้าเราคิดอย่างนี้บ้าง ชีวิตก็จะหายเครียดได้ในพริบตา

อ้างอิง
รูปภาพ จาก :
http://www.snr.ac.th/wita/Health/43509_002.jpg
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgaZihl2jsLynG9gh8ruogJ5Qt2nYUZgiZrYjVQOJZ4v_4tMN9Qgkxd9XEfreF_BNFSiEW7ZiDOWaE9kP7YumFqEB-RvloeNmpA5_xnG_rsr6LGGYnbAKp1OWdboj_aVB_aegSiNVwMdMmN/s320/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7+2.jpeg
ข้อมูล จาก :
http://www.iamspiritual.com/chai/pp/stress.html
http://medinfo.psu.ac.th/nurse/stress.htm
http://tuchae.spaces.live.com/blog/cns!749A96D72A226D3C!708.entry

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น