About Me

CSR - Slideshow

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคม
ธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR - Corporate Social Responsibility) เป็นเครื่องมือที่โลกตะวันตกคิดขึ้นสำหรับใช้ควบคุมหรือถ่วงดุลลัทธิทุนนิยมสุดขั้ว มุ่งกำไรสูงสุด จนหย่อนด้านคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นกลไกควบคุมธุรกิจขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจข้ามชาติ ให้ต้องประพฤติปฏิบัติในลักษณะที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมในหลากหลายมิติ
หลักการของธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคม จึงอยู่บนฐานความเชื่อว่า ธุรกิจ กับสังคม จะต้องอยู่ร่วมกัน อย่างช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ช่วยกันลดจุดอ่อนต่อกัน
ความรับผิดชอบต่อสังคมหลากหลายมิติ
ความรับผิดชอบต่อสังคมของธุรกิจมีหลากหลายด้าน ดังต่อไปนี้
1. ด้านสิ่งแวดล้อม - ธุรกิจอาจก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมหลากหลายรูปแบบ อาจก่อมลภาวะต่ออากาศ มลภาวะทางเสียง ต่อแม่น้ำลำคลอง ต่อน้ำฝน ต่อน้ำผิวดิน เป็นต้น เช่นธุรกิจสารเคมีอาจก่อพิษภัยทั้งในลักษณะพิษที่เกิดทันทีอย่างเฉียบพลัน หรือค่อยๆ สะสมพิษร้ายทีละน้อยๆ เกิดผลกระทบแบบเรื้อรัง หรือตายผ่อนส่ง ธุรกิจที่ก่อผลร้ายเช่นนี้ต้องมีวิธีป้องกัน ไม่ให้เกิดผลร้ายอย่างได้ผล จึงจะถือว่ารับผิดชอบต่อสังคม
2. ด้านการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ธุรกิจอาจแย่งใช้น้ำจากแหล่งน้ำเดียวกันกับชุมชน อาจใช้ทรัพยากรธรรมชาติชนิดที่ใช้แล้วหมด ธุรกิจจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อชุมชนโดยรอบ และต่อสังคมในภาพรวม ที่จะไม่ก่อปัญหาแบบไร้ความรับผิดชอบ
3. ด้านความเป็นธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ - การจ่ายค่าแรง ค่าจ้าง ค่าชดเชย ค่าดูแลสุขภาพ อย่างเป็นธรรม การจัดสถานที่ทำงานให้เป็น healthy workplace และ happy workplace การจัดให้เป็น learning organization
4. ด้านจิตวิญญาณของผู้คน - ธุรกิจที่มุงผลกำไรสูง มองความสำเร็จที่ผลกำไร มองความสามารถคู่กับผลได้ทางวัตถุ และเงินเดือน มีแนวโน้มที่จะสร้างวัฒนธรรมวัตถุนิยมสุดขั้ว เพิ่มพูนความโลภ หย่อนด้านจิตวิญญาณ หย่อนด้านความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
5. ด้านความรับผิดชอบในการประกอบธุรกิจ - ทั้งในด้านความซื่อสัตย์สุจริต และรักษาผลประโยชน์ตามหลัก BSC - Balanced Score Card คือต่อผู้ถือหุ้น ต่อลูกค้าหรือคู่ค้า ต่อพนักงาน และต่อสังคมวงกว้าง
6. สำคัญที่จิตสำนึก ที่แสดงออกทางการปฏิบัติ และมีคำอธิบาย
ธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคมในมิติของความเป็นมนุษย์
มิติของความเป็นมนุษย์ คือความเคารพ เห็นคุณค่า ซึ่งกันและกัน สร้างความสัมพันธ์ในลักษณะมนุษย์สัมผัสมนุษย์ อย่างคนที่เท่าเทียมกัน เห็นอกเห็นใจกัน นี่คือสัมผัสที่ธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีภาพของความยิ่งใหญ่และทันสมัย ควรได้สร้างขึ้น ผ่านกิจกรรม ธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR)
อ้างอิง

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ชื่อ : ไพรัช นามสกุล : หนูเผือก
ชื่อเล่น : ตั้ม
เกิด : วันที่ 16 เดือน : พฤศจิกายน พ.ศ. : 2531
อายุ : 21 ปี
ที่อยู่ : 331 ม.2 ต.เรณู อ.เรณูนคร จ.นครพนม 48170.
ปัจจุบัน : กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

7 Greens Concept


เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบัน ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาสภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นปัญหาใกล้ตัวมนุษย์เรามากขึ้นทุกวันในขณะนี้ โดยมีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อโลกเราทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งหมดล้วนแล้วมาจากการกระทำของมนุษย์ และจากการเกิดวิกฤตของโลกจึงมีหลายองค์กร หลายหน่วยงานพยายามรณรงค์และป้องกัน พร้อมเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนทั่วไปทราบถึงปัญหาที่กำลังเกิดต่อโลกใบนี้ ที่เราอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ทุกคนที่ต้องทราบและตระหนักกับผลกระทบดังกล่าว และร่วมมือกันดูแลรักษาโลกใบนี้

ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบ จากสาเหตุสภาวะโลกร้อนที่ทุกประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาอยู่ในขณะนี้ ที่เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดอากาศเปลี่ยนแปลงไม่ตรงตามฤดูกาล เกิดภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง ส่งผลให้ระบบนิเวศน์ที่มีศักยภาพหลายด้านถูกทำลาย และกำลังเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้เกิดปัญหาอีกหลายอย่างตามมา ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นภัยที่เข้าใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกวัน ดังนั้นเราควรตระหนักต่อปัญหาและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศไทยและโลกของเรา

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงเป็นหนึ่งองค์กรที่ได้ตระหนักถึงวิกฤตการปัญหาโลกร้อน และร่วมรณรงค์ให้ทุกคนทราบผลที่จะได้รับ และวิธีแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน จึงจัดโครงการ ปฏิญญารักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด 7 Greens ประจำปี 2553 เป็นการรณรงค์สภาวะโลกร้อน

เพื่อเป็นการแสดงศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบการรักษาสิ่งแวดล้อม กับการสร้างค่านิยมที่ดีกับนักท่องเที่ยวให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือในการทำกิจกรรมรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ต่อเนื่อง ที่จะส่งผลให้มีเครือข่ายผู้ร่วมหยุดโลกร้อนอย่างกว้างขวาง

และเป้าหมายของ 7 Greens ก็คือ เพื่อรณรงค์ให้คนรุ่นใหม่ร่วมกันสร้างสรรค์การท่องเที่ยวทั้งระบบ ให้ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวแห่งอนาคตกันเลยทีเดียว

ทั้งนี้ แนวคิด 7 Greens ประกอบด้วย

1. Green Heart : หัวใจสีเขียว

เริ่มแรกเลยคือ คุณต้องมีหัวใจที่เคารพในวิถีแห่งธรรมชาติ ตระหนักและศรัทธาในพลังอันยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่งนะคะ แต่หมายถึงทุกคนที่อยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งระบบ ต้องสร้างทัศนคติ ความรู้สึกนึกคิด การรับรู้ และตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งแวดล้อม และภัยคุกคามจากภาวะโลกร้อนที่มีต่อการท่องเที่ยว ที่สำคัญกว่านั้นคือ ต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อป้องกัน รักษา และ ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยความรู้ ความเข้าใจ และวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสม

2. Green Logistics : รูปแบบการเดินทางสีเขียว

วิธีการเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หมายความว่า วิธีการเดินทาง และรูปแบบการให้บริการในระบบการคมนาคม หรือการขนส่งทางการท่องเที่ยว จากแหล่งพำนักอาศัยไปยังแหล่งท่องเที่ยว ต้องเน้นการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ใช้รถ หรือ เรือพลังงานแสงอาทิตย์ ใช้ระบบขนส่งมวลชนอย่างคุ้มค่า ขี่จักรยานเพื่อชมทิวทัศน์รอบเมืองแทนการขับรถ ฯลฯ

3. Green Attraction : แหล่งท่องเที่ยวสีเขียว

แหล่งท่องเที่ยวต้องมีการบริหารจัดการตามกรอบนโยบาย และการดำเนินงานในทิศทางของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นการประสานการใช้ประโยชน์เพื่อการท่องเที่ยว กับสภาพดั้งเดิมของแหล่งไว้ ให้ได้ ภายใต้การจัดการที่มีประสิทธิภาพ

4. Green Community : ชุมชนสีเขียว

แหล่งท่องเที่ยวชุมชนทั้งในเมืองและชนบท ต้องมีความรู้ที่จะบริหารจัดการการท่องเที่ยวในทิศทางที่ยั่งยืน พร้อมที่จะดำเนินงานที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่สำคัญ ต้องคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม และวิถีชีวิตอันเป็น อัตลักษณ์ของชุมชน สิ่งนี้สำคัญมากนะคะ เพราะคนในชุมชนต้องมีความภาคภูมิในวิถีชีวิต และรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับชุมชน เห็นแก่ส่วนรวม อีกทั้งต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ชุมชนที่มีความเข้มแข็ง ทั้งในเรื่องท่องเที่ยว และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จะทำให้การท่องเที่ยวของชุมชนยั่งยืนไปได้ตลอด

5. Green Activity : กิจกรรมสีเขียว

กิจกรรมที่คุณสามารถทำได้เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน ตราบเท่าที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นขี่จักรยาน ปีนเขา ดำน้ำ ฯลฯ

6. Green Service : การบริการสีเขียว

รูปแบบการให้บริการของธุรกิจท่องเที่ยวแขนงต่าง ๆ ที่สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวด้วยมาตรฐานคุณภาพที่ดี เลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้รวมถึงการจัดระบบบำบัดของเสีย ขยะ สิ่งปฏิกูลที่เกิดจากนักท่องเที่ยวด้วย

7. Green Plus : ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ไม่ว่าคุณจะเป็นแค่นักท่องเที่ยวธรรมดา หรือเป็นเจ้าของกิจการธุรกิจการท่องเที่ยว คุณก็ต้องมีกิจกรรม หรือการบริจาคให้คืนกลับแก่โลกใบนี้ด้วย ด้วยความเต็มใจ และมุ่งหวังให้สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี

นโยบาย 7 Greens หรือ ท่องเที่ยวสีเขียว 7 แบบ นี้เป็นเสมือน แนวทางในการดำเนินกิจการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งระบบ สิ่งสำคัญอยู่ที่จะต้องรณรงค์ให้ผู้ประกอบการ และผู้คนทั่วไปได้เข้าใจถึงความสำคัญของการ ท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับโลก ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และช่วยลดโลกร้อน และนอกจากรณรงค์ให้ผู้ประกอบการ ดำเนินกิจการที่ไม่ทำลายแวดล้อม และก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนแล้ว นักท่องเที่ยวก็เป็นอีกกลุ่มเป้าหมายหนึ่งที่จะต้องรณรงค์ควบคู่กันไป เพราะหากนักท่องเที่ยวไม่มีจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม และร่วมลดปัญหาภาวะโลกร้อน แหล่งท่องเที่ยวก็จะถูกทำลายไปเรื่อย ๆ ดังนั้นการดำเนินงานของโครงการฯ ที่กำหนดการดำเนินงานไว้ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2551 2553 ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวมีคุณภาพ รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น


อ้างอิง

รูปภาพและข้อมูล จาก :

- http://www.edtguide.com/dontmiss/activity_detail.php?id=2486

- http://thai.tourismthailand.org/news/release-content-2326.html

- paaying.wordpress.com/2009/02/18/หัวใจ-7-greens

- http://www.greenleafthai.org/th/green_news/news/detail.php?ID=1190



วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

10 เทคนิคการติดตั้งระบบ LAN ไร้สายให้ปลอดภัยจากแฮกเกอร์


10 เทคนิคการติดตั้งระบบ LAN ไร้สายให้ปลอดภัยจากแฮกเกอร์

1. วาง Access Point (AP) ในตำแหน่งที่เหมาะสม

ไม่ ควรวาง AP ไว้ในระบบ LAN ภายใน ควรวาง AP บริเวณหน้า Firewall จะปลอดภัยกว่า แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ต้องวางภายใน LAN ที่เป็น Internal Network ก็ควรจะมีการเพิ่มการ Authentication, Encryption เข้าไปด้วย

2. กำหนดรายการ MAC Address ที่สามารถเข้าใช้ AP ได้เฉพาะที่เราอนุญาติเท่านั้น
การ Lock ด้วยวิธีกำหนดค่า MAC Address นั้น แม้ว่าจะไม่ใช้วิธีที่กัน Hacker ได้ 100% ก็ตาม เพราะ Hacker สามารถ Spoof ปลอม MAC Address ได้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีการกำหนดเสียเลย เหมือนกับว่าเราควรมีการป้องกันหลายๆ วิธี การกำหนด MAC Address ให้เฉพาะเครื่องที่เราอนุญาตก็เป็นการกันในชั้นหนึ่ง เพื่อให้ Hacker เกิดความยากลำบากในการ Hack เข้าสู่ระบบ Wireless LAN ของเรา

3. จัดการกับ SSID (Service Set Identifier) ที่ถูกกำหนดเป็นค่า Default มาจากโรงงานผลิตค่า SSID จะถูกกำหนดเป็นค่า Default มาจาก Vendor เช่น Cisco Aironet กำหนดเป็นชื่อ tsunami เป็นต้น เราควรทำการเปลี่ยนค่า SSID ที่เป็นค่า Default ทันทีที่เรานำ AP มาใช้งาน และ ควรปิดคุณสมบัติการ Auto Broadcast SSID ของตัว AP ด้วย

4. ใช้ WEP (Wired Equivalent Privacy) security protocol ในการเข้ารหัสข้อมูลระหว่าง IEEE 802.11b Wireless LAN Client และ Access Point (AP)
มาตรฐาน WEP เป็นมาตราฐานหลักที่มีใน AP ทุกตัว แต่โดยปกติแล้วจะไม่ได้เปิดใช้ ทำให้แฮกเกอร์สามารถใช้โปรแกรม Packet Sniffer เช่น Ethereal (www.ethereal.com) ดักจับ Packet และสามารถอ่านข้อมูลที่เป็น Plain text ได้เพราะ AP มีลักษณะการทำงานแบบ HUB ไม่ใช่ Switching เหมือนที่เราใช้กันใน LAN ทุกวันนี้ เราจึงควรมีการเข้ารหัส Packet ของเราในระดับ Layer 2 เพื่อให้ยากต่อการจับด้วยโปรแกรมประเภทนี้ ถ้าเราเพิ่มการ generate WEP Key เป็นแบบ Dynamic จะช่วยให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้งานแบบ Session-Based และ User-Based WEP Key ก็ช่วยได้เช่นกัน

5. อย่าหวังพึ่ง WEP อย่างเดียว เพราะ WEP สามารถที่จะถูก Crack ได้
การ เพิ่ม WEP เข้ามาในการใช้งาน Wireless LAN เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ WEP ก็ไม่สามารถกันพวกแฮกเกอร์ได้ 100% เพราะมีโปรแกรมที่สามารถถอดรหัส WEP ได้ ถ้าได้ IP Packet จำนวนมากพอ เช่น โปรแกรม AirSnort จาก http://www.shmoo.com เป็นต้น เพราะฉะนั้นเราควรเพิ่มการป้องกันใน Layer อื่นๆ เข้าไปด้วย

6. ใช้ VPN ร่วมกับการใช้งาน Wireless LAN
การ ใช้ VPN ระหว่าง Wireless LAN Client กับ AP ต่อเชื่อมไปยัง VPN Server เป็นวิธีที่ปลอดภัยมากกว่าการใช้ WEP และ การ Lock MAC Address การใช้ VPN ถือได้ว่าเป็นการป้องกันที่ลึกอีกขั้นหนึ่ง และ เป็นการรักษาความปลอดภัยในลักษณะ end to end อีกด้วย

7. เพิ่มการ Authentication โดยใช้ RADIUS หรือ TACACS Server
ถ้า องค์กรมี RADIUS Server หรือ CISCO Secure ACS (TACACS) Server อยู่แล้ว สามารถนำมาใช้ร่วมกับ AP ที่มีความสามารถในการตรวจสอบ Username และ Password ก่อนที่ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบ (Authentication Process) และ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องจำหลาย Username หลาย Password ผู้ใช้สามารถใช้ Username และ Password เดียวกับที่ใช้ในระบบ Internal LAN ได้เลย ทำให้สะดวกในการบริหารจัดการ Account ภายใน และ IT Auditor ควรตรวจสอบการเข้าระบบ Wired และ Wireless LAN จาก Log ของระบบด้วย

8. การใช้ Single Sign On (SSO) ดังที่กล่าวมาแล้วในข้อ 7 ควรกำหนดเป็น Security Policy ให้ กับองค์กรสำหรับระบบ Wired และ Wireless LANเพื่อ ที่เราสามารถที่จะกำหนดคุณสมบัติ AAA ได้แก่ Authentication, Authorization และ Accounting ได้ การใช้งานควรกำหนด Security Policy ทั้งระบบ Wired และ Wireless LAN ไปพร้อมๆ กัน และ แจ้งให้ผู้ใช้ได้ทราบปฎิบัติตาม Security Policy และสามารถตรวจสอบได้

9. อุปกรณ์ Wireless LAN จากแต่ละผู้ผลิตอาจมีคุณสมบัติแตกต่างจากมาตรฐานและมีปัญหาในการทำงานร่วมกัน
แม้ ว่าผู้ผลิตอุปกรณ์จะผลิตตามมาตรฐาน IEEE 802.11b ผู้ผลิตบางรายมักจะเพิ่มคุณสมบัติบางอย่างเฉพาะผู้ผลิตรายนั้นๆ เช่น เพิ่มคุณสมบัติทางด้าน security ของอุปกรณ์เป็นต้น เราควรตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะติดสินใจซื้อมาใช้งานจริงว่าอุปกรณ์ไม่มีปัญหา ในการทำงานร่วมกัน

10. ระวัง Rouge AP แม้คุณจะไม่ได้ใช้ระบบ Wireless LAN เลยก็ตาม
การ Hack จากภายในองค์กรในสมัยนี้ทำได้ง่าย แม้องค์กรจะไม่ได้ใช้ระบบ Wireless LAN เลย วิธีการก็คือ มีผุ้ไม่หวังดีทำการแอบติดตั้ง AP ที่ไม่ได้รับอนุญาติเข้ากับระบบ Internal LAN เรียกว่า Rouge AP จากนั้นผุ้ไม่หวังดีก็สามารถ Access Internal LAN ผ่านทาง Rouge AP ที่ทำการแอบติดตั้งไว้ ซึ่งเขาสามารถเข้าถึงระบบภายในได้ จากภายนอกอาคาร หรือ จากที่จอดรถของบริษัทก็ได้ ถ้าระยะห่างไม่เกิน 100 เมตร จาก AP ที่แอบติดตั้งไว้

เราควรมีการตรวจสอบ Rouge AP เป็นระยะๆ โดยใช้โปรแกรม Networkstumbler (http://www.netstumbler.com) เพื่อหาตำแหน่งของ Rouge AP หรือ เราควรติดตั้ง IDS (Intrusion Detection System) เช่น SNORT (http://www.snort.org) เพื่อคอยตรวจสอบพฤติกรรมแปลกๆ ในระบบ Internal LAN ภายในของเราเป็นระยะๆ จะทำให้ระบบของเรามีความปลอดภัยมากขึ้น และ มีการเตือนภัยในลักษณะ Proactive อีกด้วย.

อ้างอิง

รูปภาพและข้อมูลจาก :
http://variety.teenee.com/foodforbrain/23833.html
computerhelp.exteen
http://www.wutthi.com/forum/index.php?topic=12423.0

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ปัญหา "โลกร้อน" ทำท่องเที่ยวไทยสะเทือน

โลกร้อนเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ แต่อันดับหนึ่งคือเกิดจากการที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รังสีความร้อนที่ผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามาถูกกักไว้ในโลก โดยไม่สามารถสะท้อนกลับออกไปได้ หรือที่เรียกว่า "ภาวะเรือนกระจก" ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกและผืนมหาสมุทรสูงขึ้น

ในด้านของแหล่งท่องเที่ยวทั่วโลกก็มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกเช่นกัน เช่น ในเขตเทือกเขาแอลป์ของยุโรปและสถานที่เล่นสกีอื่นๆ ของโลกจะประสบกับภาวะที่มีหิมะตกน้อยลง และมีฤดูกาลเล่นสกีที่สั้นลงเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น ผลกระทบของการถอยร่นของแนวหิมะจะเกิดขึ้นอย่างเด่นชัดในสกีรีสอร์ทที่อยู่ในพื้นที่ต่ำ เช่น Megeve ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และ Kiizbuhel ในประเทศออสเตรีย เป็นต้น
สำหรับประเทศไทยก็ใช่ว่าจะสามารถลอยตัวอยู่เหนือวิกฤตปัญหาโลกร้อนไปได้ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ประเทศไทยเป็นตัวอย่างของประเทศที่มีชายฝั่งทะเลที่มีความยาวราว ๒,๔๙๐ กิโลเมตร และเป็นแหล่งที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และความไม่แน่นอนของฤดูกาลที่ส่งผลกระทบต่อการทำเกษตรกรรม มีการคาดการณ์ว่า หากระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอีก อย่างน้อย ๑ เมตรภายในทศวรรษหน้า หาดทรายและพื้นที่ชายฝั่งในประเทศไทยจะลดน้อยลง สถานที่ ตากอากาศชายทะเลรวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น พัทยา และระยอง จะได้ รับผลกระทบโดยตรง แม้แต่กรุงเทพมหานครก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากผลกระทบของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นนี้เช่นกัน

ภาวะโลกร้อนนับวันจะยิ่งกลายเป็นภัยใกล้ตัว ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยว และความแปรปรวนของสภาพอากาศ ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวทั้งสิ้น ดังนั้นการจุดประกายให้ภาคธุรกิจตื่นตัวต่อการแก้ไขและลดผลกระทบของปัญหาโลกร้อน จึงถือเป็นการปรับตัวที่กำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อสถานการณ์โลกร้อนรุนแรงขึ้นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด คือ การชะลอการเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว โดยถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเริ่มขานรับในเรื่องนี้มากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการจัดประชุมเชิงวิชาการขอสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทยหรือเฟสต้าเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ภาคธุรกิจมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบที่เกิดข้น ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือประหยัดน้ำ ไฟฟ้า และจัดการบำบัดน้ำเสียเพื่อนำมาใช้ใหม่ เช่น การรดน้ำต้นไม้ ใช้ในชักโครก
นอกจากนี้ยังได้เสนอแนวทางสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้าพักด้วยการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยให้ช่วยปลูกต้นไม้ แต่หากนักท่องเที่ยวไม่มีเวลาที่จะไปปลูกก็เพียงให้ลงชื่อว่ามอบต้นกล้าเหล่านั้นให้กับโรงเรียนหรือหน่วยงานใดไปปลูกแทน รวมไปถึงพยายามลดการใช้พลังงาน การพยายามลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยการปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น ลดการก่อสร้างโรงแรม, รีสอร์ท ใกล้บริเวณชายหาดเกินไป เป็นต้น

อ้างอิง
รูปภาพ จาก
:
http://learners.in.th/file/wipadao/k.jpg
http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/162/40162/images/cYq0Q1432752-02.jpg
ข้อมูล จาก :
http://74.125.153.132/search?q=cache:BmNLhtmcoKoJ:watchangkham.igetweb.com/index.php
http://www.ryt9.com/s/prg/11396
http://74.125.153.132/search?q=cache:kFduffHFjfgJ:www.thaienv.com/content/view/60/39/

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อาหารเสริมที่มีประโยชน์สำหรับเด็ก

เมื่อเด็กเบื่ออาหาร

เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยขวบปีแรก อาจพบว่าเด็กไม่ค่อยอยากรับประทานอาหารหรืออาจมีอาการเบื่ออาหาร เด็กอาจมีความสนใจในการเล่นมากกว่ารับประทานอาหาร มีความกระตือรือร้นและอยากที่จะแสดงความสามารถด้านต่างๆทั้งภาษาและกล้ามเนื้อ ทำให้เด็กสนใจสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวมากกว่าอาหารที่อยู่ตรงหน้าและอาจแสดงท่าทีเบื่อเมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร
ดังนั้นคุณควรสังเกตปริมาณอาหารที่เด็กบริโภคในแต่ละวันที่อาจจะบริโภคได้แตกต่างกัน บางวันเด็กสามารถรับประทานอาหารได้มาก แต่บางวันเด็กอาจรับประทานอาหารได้น้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของเด็กในวัยซนนี้
อาหารจานโปรด
คุณควรจัดเตรียมเมนูอาหารที่แตกต่างกันในแต่ละวัน เด็กอาจมีอาหารจานโปรดที่อาจร้องขอในทุกมื้ออาหารตลอดทั้งสัปดาห์ หลังจากนั้นเด็กก็อาจปฏิเสธและเบื่ออาหารจานโปรดนั้นในสัปดาห์ต่อมาก็ได้
เด็กมักเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับปริมาณอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ มีรายงานแสดงว่าการบริโภคอาหารของเด็กในแต่ละมื้ออาจจะไม่เท่ากัน อาจแตกต่างกันในเรื่องของปริมาณหรือจำนวน อย่างไรก็ตามเด็กควรได้รับประทานอาหารที่มีความสมดุลและครบถ้วน คุณต้องเป็นผู้ดูแลในเรื่องคุณประโยชน์จากสารอาหารต่างๆที่เด็กจะได้รับจากมื้ออาหารให้สมดุลและครบถ้วนในแต่ละวัน

หลักในการให้อาหารเสริมสำหรับเด็กวัยทารก
1. การป้อนอาหารเสริมครั้งแรก ควรสร้างความพร้อมให้กับเด็กทั้งทางร่างกายและจิตใจ คือทางร่างกาย อยู่ในช่วงวัยที่เหมาะสม 3 เดือนขึ้นไป มีความพร้อมทางด้านจิตใจทั้งของผู้ให้ ( คุณแม่หรือพี่เลี้ยงเด็ก) และตัวเด็กเอง
2. การจัดเวลาในการให้อาหารเสริมต้องแน่นอน ระวังอย่างให้ตรงกับเวลาที่เด็กง่วงนอน ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ
- อายุต่ำกว่า 5 เดือน ให้อาหารเสริมก่อนมื้อนมมื้อหนึ่งมื้อใด แล้วต่อด้วยน้ำนมจนอิ่ม วันละ 1 มื้อ
- อายุ 6 เดือนขึ้นไป ให้อาหารเสริมวันละ 2 มื้อ แล้วต่อด้วยน้ำนมจนอิ่ม หรือแทนน้ำนม 1 มื้อ
- อายุ 9 - 12 เดือน ให้อาหารเสริม 3 มื้อ เป็นอาหารหลัก ให้น้ำนมเป็นอาหารเสริมแทน
3. บริเวณที่ป้อนอาหาร ควรสงบไม่มีสิ่งดึงดูดความสนใจ ไม่ควรชวนเด็กเล่น เพราะจะทำให้เด็กไม่สนใจการรับประทานอาหาร
4. ควรจัดท่านั่งเด็กให้สบาย และสามารถตักอาหารเข้าปากของตนเองได้ในโอกาสต่อไป และฝึกให้เด็กได้ช่วยตัวเองทีละน้อย โดยมีพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือ
5. ภาชนะที่ใส่อาหารให้เด็กควรมีสีสันสวยงาม สดใสไม่แตกง่าย ภาชนะขนาดพอเหมาะกับเด็ก มีขอบสูงป้องกันการหก เปื้อนง่าย ทำความสะอาดง่ายทนความร้อน ถ้าเป็นพลาสติกก็ต้องเป็นชนิดที่ทำสำหรับใส่อาหาร ไม่สีหลุดลอกที่เป็นอันตราย ช้อนมีด้ามยาว ขนาดพอเหมาะกับปากทารก
6. การป้อนอาหารเด็กต้องใจเย็น แม้ว่าเด็กจะบ้วนทิ้ง ก็ควรต้องลองป้อนใหม่ ทีละน้อยค่อย ๆ ให้เด็กได้รับรสชาติ ปริมาณที่ให้ประมาณ 2 - 3 ช้อนโต๊ะ 2 ครั้งต่อวัน เพราะเป็นอาหารเสริมที่ไม่ใช่ นมมารดาที่เด็กเคยชินอยู่
7. การให้อาหารเสริมควรให้ทีละอย่าง นานประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ เพื่อสังเกตว่ามีอาการแพ้หรือไม่ จึงเปลี่ยนอาหารเสริมชนิดใหม่และอาการแพ้อาหารอาจเป็นตามกรรมพันธุ์ ฉะนั้นควรศึกษาประวัติการแพ้อาหารของครอบครัว เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการให้อาหารเสริมกับเด็ก ลักษณะอาการแพ้ที่มักพบ ก็คือ ท้องเสีย เป็นผื่นแดง
8. ลักษณะอาหารเสริมในช่วงแรกควรมีลักษณะนิ่มเหลวพอที่จะป้อนได้ง่าย รสไม่จัด และมีสีสันน่ารับประทาน
9. การเตรียมอาหารเสริมต้องมีทั้งคุณค่าทางโภชนาการและคุณภาพ ปราศจากสารพิษและจุลินทรีย์ ต้องควบคุมเรื่องความสะอาด ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การเตรียม การปรุงอาหารและการเก็บรักษา
10. อาหารเสริมควรเหมาะสมกับวัยของเด็ก ไม่ควรให้อาหารเสริมก่อนถึงวัยอันควร อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น ถ้าเด็กยังไม่มีฟันก็ไม่ควรให้อาหารที่มีชิ้นใหญ่ แข็ง อาหารอาจติดคอเวลาเด็กกลืนลงไป เพราะไม่มีฟันเคี้ยว อาหารควรมีลักษณะอ่อนนิ่ม น้ำอัดลมยังไม่ควรให้เด็กทานจะติดใจรสชาติน้ำอัดลม จนทำให้เด็กไม่อยากทานอาหารชนิดอื่นที่มีประโยชน์มากกว่า หรือการให้อาหารเสริมก่อน 3 เดือน ระบบการย่อยของทารกยังไม่พร้อม อาจเกิดปัญหาท้องอืดอาหารไม่ย่อย

การที่เด็กจะมีร่างกายแข็งแรง และเจริญเติบโตสมวัยนั้น จำเป็นจะต้องได้สารอาหารครบถ้วนที่ร่างกายต้องการ ซึ่งสำหรับคนที่เป็นพ่อแม่นั้นมักจะกังวลว่าลูก จะได้ สารอาหารไม่พอเพียง และมักจะคอยเคี่ยวเข็ญให้ลูก ต้องทานอาหารมากๆ จนบางครั้งเกิดปัญหากับเด็กขึ้น

กล่าวโดยสรุป คุณพ่อ คุณแม่ ควรจะมีความรู้ เรื่องโภชนาการที่ถูกต้อง เพื่อจะได้จัดอาหาร ที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างสมดุล และ มีประโยชน์ต่อสุขภาพให้แก่ลูกและ ครอบครัว โดยไม่จำเป็นต้องหาแต่อาหารพิเศษ ที่มีราคาแพง หรือ ทานไวตามินและ สารอาหารเสริมที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ทุกคนได้อิ่ม อร่อย และ มีสุขภาพ ดีกันถ้วนหน้า

อ้างอิง
รูปภาพจาก :
http://i.ehow.com/images/GlobalPhoto/Articles/2151041/j0409621-main_Full.jpg
http://www.pepsithai.com/food2008/engine/images/scoop/tip27.jpg
ข้อมูล จาก :
http://www.wyethnutrition.co.th/$$Eating%20Changes%20.html?menu_id=181&menu_item_id=1
http://www.kow-krua.com/knowledge/Baby.htm
http://www.clinicdek.com/index.php?option=com_content&task=view&id=108&Itemid=41


วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิธีขจัดความเครียด

ความเครียด คือสภาวะของจิตใจที่ขาดความอดทน อดกลั้น และเต็มไปด้วยความคิดที่ไร้ประโยชน์ อันเนื่องมาจากความกดดันจากภาระหน้าที่การงาน การเงิน ความสัมพันธ์ที่ขัดแย้ง รวมทั้งความไม่ถูกต้อง ความก้าวร้าวรุนแรง และสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ เป็นการบั่นทอนจิตใจให้ขาดพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปัญหารุนแรงมาก ก็เกิดอาการเครียดที่ยาวนาน (เช่น อุบัติเหตุ การเจ็บป่วย การตกใจกระทันหันต่อเหตุการณ์หรือภัยพิบัติต่าง ๆ) มีผลเสียต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตทำให้ไม่สามารถเผชิญหรือแก้ปัญหา มีการตัดสินที่ไม่ยุติธรรม ความจำเสื่อม ขาดความกระตือรือร้น ความสนใจ และความสุขที่แท้จริงภายใน

สาเหตุของความเครียด
- ความหยิ่งทะนงที่มาพร้อมกับความอิจฉาริษยา ไม่ยอมรับนับถือผู้ใด และพร้อมที่จะโต้แย้งแข่งขันเพื่อพิสูจน์คุณค่าของตนเอง
- การมองโลกในแง่ร้าย ไม่มีความสงบ-เยือกเย็นภายใน
- การเพ่งพิจารณาแต่ความบกพร่อง-อ่อนแอของผู้อื่น ไม่สำรวจตรวจสอบและแก้ไขตนเอง
- ความรู้สึกที่อ่อนไหวง่าย ไม่เข้าใจอะไรลึกซึ้ง-สมบูรณ์
- ความอยาก ไม่สามารถอยู่อย่างพอใจและสมหวัง
- ความผูกพันยึดมั่น ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงหรือการสูญเสีย
- ความเห็นแก่ตัว ไม่พร้อมที่จะให้ด้วยความสุข สบายใจ
- ความโกรธที่รุนแรง ไม่ให้อภัยต่อความผิดพลาด ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่
- การอยู่ภายใต้ของอิทธิพลของค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีการดำเนินชีวิตที่สมดุลและสมบูรณ์

ผลร้ายของความเครียด
- ทำลายความสัมพันธ์ ก่อให้เกิดความแตกแยก
- สภาพอารมณ์ไม่มั่นคง ตื่นเต้น ตกใจง่าย กระวนกระวาย กล้ามเนื้อกระตุก อยู่ไม่สุข วิตกกังวล และนอนไม่หลับ
- ทำให้เซลในร่างกายมีอายุสั้นลง ความจำเสื่อม ประสิทธิภาพในการเรียน-การทำงานลดลง
- เป็นสาเหตุของการตายโดยฉับพลัน และการฆ่าตัวตาย
- เป็นยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า ๆ ก่อให้เกิดปัญหาโรคภัยต่าง ๆ เช่น โรคผิวหนัง โรคอ้วน โรคปวดศีรษะ โรคปวดหลัง โรคกระเพาะ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และอื่น ๆ อีกทั้งลดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นเหตุชักนำให้เกิดโรคติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น


วิธีขจัดความเครียด
ผ่อนคลาย : การผ่อนคลายมีหลายวิธี ดังนี้
- พักเป็นครั้งคราวขณะทำงาน
- ไปตากอากาศ
- หางานอดิเรกทำ
- ฝึกหายใจด้วยท่ากายบริหาร
- จดบันทึกรายวัน
- ดูหนังตลก
- เลี้ยงสัตว์
- คุยกับเพื่อน
- สวดมนต์หรือนั่งสมาธิ
- แช่น้ำอุ่นที่ผสมน้ำมันหอม
- เข้าสปาหรือร้านเสริมสวย

จัดชีวิตให้สมดุล : คุณอาจต้องทำดังนี้
- ยอมรับว่าคุณเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองได้ แต่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนอื่นไม่ได้
- ยอมรับว่าคุณไม่สามารถมีทุกสิ่งที่ต้องการ
- รู้ว่าอะไรคือเรื่องสำคัญ
- แยกแยะคำว่า " ควรจะรู้" " น่าจะ " และ"ต้อง "
- ให้อภัยตนเองและผู้อื่น
- พยายามเปลี่ยนความเครียดเป็นโอกาส
- หัดพูดคำว่า "ไม่"
- อย่าคิดว่าต้องทำอะไรสมบูรณ์เพียบพร้อมไปหมด
- กรองข่าวสารที่ได้รับ จะได้ไม่ "สำลัก " ข่าว
- มองโลกในแง่ดี
- อย่าทำปัญหาให้ใหญ่โตหรือมองข้ามความสำคัญของปัญหา
- ยอมรับในสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

จัดการตนเอง : พัฒนาตนเองให้สามารถรับมือกับความเครียด โดย
- มีจุดยืนหนักแน่น ไม่คล้อยตามหรือต่อต้านรุนแรง
- พิจารณาปัญหา ตั้งเป้าหมาย และหาวิธีทำให้สำเร็จ
- ทำสิ่งที่ตัวเองต้องการและสนใจ
- เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ทำตาม โดยไม่เปลี่ยนแปลง ระลึกไว้ว่าการเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจหมายถึงการสูญเสียบางอย่าง

บริหารเวลา : การควบคุมชีวิตให้ดีขึ้น ต้องบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
- จัดลำดับความสำคัญ
- กำหนดเวลาที่จะทำงานให้เสร็จ ตามความเป็นไปได้
- ทำงานที่สำคัญหรืองานยาก ขณะรู้สึกสดชื่นที่สุด
- คาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดความเครียดขึ้นเมื่อไรและวางแผนไว้ก่อน
- จัดสรรเวลาให้ตัวเองทุกวัน
- แบ่งงานให้คนอื่นทำ
- ทำงานทีละอย่าง

ความสัมพันธ์กับผู้อื่น : ผู้อื่นอาจช่วยลดหรือเป็นต้นเหตุของความเครียด ลองปฏิบัติดังนี้
- รักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดให้ยาวนาน
- พัฒนาความสามารถในการติดต่อกับผู้อื่น
- ศึกษาและแยกแยะความรู้สึกของผู้อื่นจากความรู้สึกของตนเอง
- หากมีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น ควรหาทางแก้ไข
- ติดต่อเพื่อนฝูงอย่างสม่ำเสมอ
- ให้กำลังใจและช่วยเหลือคนใกล้ชิด

ความช่วยเหลือ : ทั้งตัวคุณเองและผู้อื่น ล้วนมีส่วนช่วยเหลือเกื้อกูลคุณทั้งนั้น ดังนั้น
- ให้กำลังใจตัวเองที่สามารถบริหารความเครียดได้ดีขึ้น
- ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเมื่อถึงคราวจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนหรือที่ปรึกษา

จริงอยู่แม้จะเป็นเรื่องทำได้ยาก หากเราตกอยู่ในภาวะถูกเอารัดเอาเปรียบมาก ๆ แต่ก็ต้องคิดเรื่องอย่างนี้ไว้บ้าง เพราะสิ่งที่ทำได้ยากเมื่อเราทำได้ เราจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ทางด้านจิตใจโดยตรง ด้วยเหตุนี้เอง สามเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงสอนให้เจริญมรณสติกรรมฐานเป็นประจำ มองให้เห็นว่า ตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้ เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดก็ไม่มีใครเอาสิ่งใดไปด้วย แม้คนที่รักที่สุดคือบุตรธิดา ภรรยาญาติก็ต้องทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่มีใครชวนใครไปอยู่ด้วย แม้ชวนก็ไม่มีใครไปด้วย แม้จะรักกันเพียงใดก็ตาม ถ้าเราคิดอย่างนี้บ้าง ชีวิตก็จะหายเครียดได้ในพริบตา

อ้างอิง
รูปภาพ จาก :
http://www.snr.ac.th/wita/Health/43509_002.jpg
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgaZihl2jsLynG9gh8ruogJ5Qt2nYUZgiZrYjVQOJZ4v_4tMN9Qgkxd9XEfreF_BNFSiEW7ZiDOWaE9kP7YumFqEB-RvloeNmpA5_xnG_rsr6LGGYnbAKp1OWdboj_aVB_aegSiNVwMdMmN/s320/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7+2.jpeg
ข้อมูล จาก :
http://www.iamspiritual.com/chai/pp/stress.html
http://medinfo.psu.ac.th/nurse/stress.htm
http://tuchae.spaces.live.com/blog/cns!749A96D72A226D3C!708.entry